วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

(ตอนที่3) ทำไม??พระพุทธศาสนาต้องเป็นศาสนาประจำชาติไทย


 มาถึงตอนที่3ค่ะ เราย้อนเวลากลับไปนั่งในหัวใจของบรรพบุรุษเรากันค่ะว่า ปู่ ย่า ตา ทวด ที่ท่านหวงแหนพระพุทธศาสนานักหนา ถึงขนาดที่ว่าสั่งเสียให้เป็นมรดกของชาติ ซึ่งหลังจากที่ท่านกอบกู้ให้ประเทศไทยเรารอดพ้นจากความเป็นทาสแล้ว ท่านย้ำนักย้ำหนาว่า ขอถวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชา แน่นอนค่ะท่านต้องรู้คุณค่าอย่างมหาศาล เพราะหลังจากผ่านเรื่องราวสู้รบกู้ชาติเสียเลือดเสียเนื้อนองแผ่นดินแล้วท่านฝากฝังสิ่งนี้



เหตุผลที่สำคัญคือ พระพุทธศาสนามีคุณจริง และเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อทุกชีวิตทั้งในภพนี้ และภพหน้า เป็นศาสนาที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยเหตุผลและตัวของผู้ปฏิบัติเอง


การเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนาจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยค่ะคุณ ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ซึ่งค้นพบสัจจธรรมของชีวิตมนุษย์ ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป พระองค์ทรงค้นพบเรื่องทุกข์ และแนวทางของการดับทุกข์


บางคนอาจจะบอกว่าทุกข์เรื่องอะไรกัน ชีวิตฉันสบายจะตายไม่เห็นจะทุกข์อะไรเลย ชีวินฉันแสนจะสบายใจมีความสุข รูปสวย รวยทรัพย์ มีปัญญาเป็นเลิศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดจากบุญเก่าส่งผล เป็นผลิตผลจากในภพชาติที่ผ่านมาที่เราทำไว้ดี
Image result for ภาพคนตักบาตรDMCImage result for ภาพคนตักบาตรDMC

แต่คุณคะในชีวิตสังสารวัฏอันยาวไกลที่หาเบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องปลาย และที่สุดไม่ได้นี้ เรียกว่ามันยาวนานหลายๆค่ะเกินกว่าจินตนาการ คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าจะมีชีวิตดี๊ดีแบบนี้ตลอด บาปกรรมในอดีตที่คุณได้ทำไว้แสนนาน นานจนคุณลืมไปแล้วจะกลับมาทวงทบต้นผลดอกทับทวีวันไหน เมื่อถึงตอนจ่ายวันนั้นอาจจะหนักจนชีวิตของคุณแบกไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียวค่ะ

Image result for ภาพวาดคนแบกของหนัก
ก่อนที่จะไปทำความเข้าใจถึงตรงนั้น เรามาทำความรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก่อนค่ะ ว่าท่านมีที่มาอย่างไร ก่อนที่จะบรรลุธรรม

Image result for พระพุทธเจ้าDMC
ท่านสร้าง บารมี 10 อย่าง เรียกว่า "พุทธการกธรรม" มี
1) ทานบารมี
2) ศีลบารมี
3) เนกขัมบารมี
4) ปัญญาบารมี
5) วิริยะบารมี
6) ขันติบารมี
7) สัจจะบารมี
8) อธิษฐานบารมี
9) เมตตาบารมี
10) อุเบกขาบารมี



โดย บารมีทั้ง 10 อย่างนี้แบ่งความเข้มข้น ความยากของการสร้างบารมีแบ่งเป็น 3 ระดับค่ะคือ

     1) บารมี คือ การสร้างบารมีระดับธรรมดาที่สละทรัพย์สิน เงินทองธรรมดา
     2) อุปบารมี คือ การสร้างบารมีระดับที่เอา อวัยวะ เลือดเนื้อ เป็นเดิมพัน
     3) ปรมัตถบารมี คือ การสร้างบารมีในระดับที่เอาชีวิต เป็นเดิมพัน ตายไม่ว่าเมื่อสร้างบารมีถึงระดับเข้มข้นนี้ การบริจาคชีวิตเป็นทานเป็นเรื่องจิ๊บๆเลยค่ะคุณลองคิดดูแล้วกันนะคะว่าหัวจิตหัวใจท่านขนาดไหน



ดังนั้นเมื่อบารมี มี 10 อย่าง และ มี 3 ระดับ ซึ่งถ้าจะจำแนกโดยละเอียด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมี รวม 30 อย่างนั่นเอง และที่สำคัญท่านทำในระดับที่ว่าเข้มข้น



ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านจะบรรลุธรรมนี้เรียกว่าเป็นพระโพธิสัตว์ผู้หวังโพธิญาณ เรียกว่า"อนิยตโพธิสัตว์"  และจะต้องสร้างบารมีอย่างเข้มข้นระดับAdvanceเลยค่ะคุณ ประมาณว่าทำทานก็ทำแบบให้ได้แม้กระทั่งชีวิตเป็นทานกันได้เลยทีเดียวค่ะ แล้วไม่ใช่แค่ทำแบบไม่กี่ชาตินะคะ เรียกนับภพนับชาติไม่ถ้วนกันเลยค่ะ นอกจากให้ชีวิตเป็นทานแล้วสิ่งที่เป็นของรักอย่างที่สุดพระองค์ก็สามารถทำทานได้คือ การบริจาค ภรรยา  บุตร ธิดา ของตนอีกด้วย และเมื่อบารมีมากถึงจุดๆ หนึ่ง ก็จะได้รับการพยากรณ์จาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด พระองค์หนึ่งว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต  หรือเรียกว่า"นิยตโพธิสัตว์"




จากนี้เรามาดูกันว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีกี่ประเภทกันค่ะ  และในยุคของเรานี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ท่านอยู่ในประเภทไหนกันค่ะ



Image result for ภาพองค์พระDMC
เมื่อพระโพธิสัตว์สร้างบารมีจนเต็มเปี่ยมและได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังสามารถจำแนก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ 
เป็น 3 ประเภท ตามระยะเวลาการบำเพ็ญบารมี คือ


1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีกแสนมหากัป  เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า

2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีกแสนมหากัป

3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีกแสนมหากัป เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น