ความเป็นเลิศพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มหาศาสดาเอกของโลก
มหาศาสดาเอกของโลก

- พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีร่างกายที่งดงาม และแข็งแรงเป็นเลิศ ประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ
- มีบุญมากสามารถเลือกเกิดได้
ปัญจมหาวิโลกนะ คือ ก่อนจะลงมาเกิดได้เลือก
1. ทวีป โดยเจาะจงมีที่ชมพูทวีป ซึ่งก็คือโลกที่เราอาศัยอยู่นี้นี่เอง
2. ประเทศ ตามประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาก็คือ ประเทศเนปาล
3. อายุขัยของมนุษย์ ในช่วงที่ไม่มาก หรือน้อยจนเกินไป
4. ตระกูล ได้เลือกเกิดในตระกูลกษัตริย์
5. มารดา ได้เลือกมารดาที่มีความสมบูรณ์พร้อม
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วปลื้มปริ่มนะคะ พระองค์สามารถออกแบบชีวิตตนเองได้ขนาดนั้นเลยทีเดียว เพราะบุญที่ได้สั่งสมมาดีแล้ว เราเองก็สามารถออกแบบชีวิต หรือลิขิตชีวิตตัวของตัวเราเองได้ด้วยบุญ เมื่อมีบุญมากเพียงพอแก่คำขอของเราแล้ว สิ่งที่เราปรารถนาก็สามารถเป็นจริงได้ ก็เหมือนกับว่าเรามีเงิน 2,000 บาท ของที่เราอยากได้มีมูลค่า 1,000 บาท เราก็สามารถนำเงินไปซื้อสิ่งของนั้นได้ เพราะเรามีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่าย ในทางตรงข้าม ถ้าเรามีเงิน 1,000 บาท และของที่เราต้องการซื้อมีมูลค่า 2,000 บาท เราก็ไม่สามารถซื้อได้ค่ะ เพราะเงินเราไม่พอ
2. คุณสมบัติ

• มีปัญญามาก ศึกษาจบศิลปศาสตร์ 18 ประการตั้งแต่พระชนมายุ 7 ปี
1. ยุทธศาสตร์ วิชานักรบ
2. รัฐศาสตร์ วิชาการปกครอง
3. นิติศาสตร์ วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่างๆ
4. พาณิชยศาสตร์ วิชาการค้า
5. อักษรศาสตร์ วิชาวรรณคดี
6. นิรุกติศาสตร์ วิชาภาษาทั้งของตน และของชนชาติ ที่เกี่ยว
ข้องกัน
7. คณิตศาสตร์ วิชาคำนวณ
8. โชติยศาสตร์ วิชาดูดวงดาว
9. ภูมิศาสตร์ วิชาดูพื้นที่ และรู้จักแผนที่ของประเทศต่างๆ
10.โหราศาสตร์ วิชาโหรรู้จักพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ
11.เวชศาสตร์ วิชาแพทย์
12.เหตุศาสตร์ วิชาว่าด้วยเหตุผล หรือตรรกวิทยา
13.สัตวศาสตร์ วิชาดูลักษณะสัตว์ และรู้เสียงสัตว์ว่าดี หรือร้าย
14.โยคศาสตร์ วิชาช่างกล
15.ศาสนศาสตร์ วิชาศาสนารู้ความเป็นมา และหลักศาสนาทุกศาสนา
16.มายาศาสตร์ วิชาอุบาย หรือตำหรับพิชัยสงคราม
17.คันธัพพศาสตร์ วิชาร้องรำหรือนาฎยศาสตร์ และวิชาดนตรี หรือดุริยางค์ศาสตร์
18.ฉันทศาสตร์ วิชาการประพันธ์
• พระองค์มีบุญมากสามารถเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้
อัศจรรย์ใจมั๊ยคะที่พระองค์สามารถจบหลักสูตร 18 ปริญญาได้
ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ อาจจะฟังดูแล้วอึ้งว่าทำได้ยังไง ขนาดเรานี่
เรียนกันแค่ปริญญาใบเดียวก็เรียนกันเป็น 10 ปีกันเลยทีเดียว
ถ้าเรียนขนาด 18 ปริญญานี่ไม่ปาเข้าไปเกือบทั้งชีวิตเลยเหรอ
ถ้าอย่างงั๊นก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้วถ้าจะเรียนให้ได้ 18 ปริญญาอย่างท่าน
แต่บางคนอาจสงสัยว่าขนาดนั้นเลยเหรอจบปริญญาตั้ง 18 ใบ
เอาเป็นว่าเราก็ดูตัวอย่างในปัจจุบันแล้วกันค่ะ ที่มีเด็กอัจฉริยะอายุไม่กี่ขวบสามารถทำอะไรต่างๆที่ผู้ใหญ่ทำได้แบบเหลือเชื่อ
มีให้เห็นบ่อยๆ
สิ่งที่เหลือเชื่อ หรือไม่มีเกิดขึ้นในยุคเราก็อย่าเพิ่งไปด่วนตัดสิน
ว่าไม่มีอยู่จริง ก็เหมือนกับข้อมูลเรื่องโลกของเรามีบางยุคที่ยัง
ไม่ได้มีการพิสูจน์ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่างก็เชื่อกันว่าโลกแบน แต่พอมาถึงในยุคของเราที่มีการพิสูจน์ด้วยหลักฐาน
ทางวิทยาศาสตร์เราถึงได้รู้กันว่า แท้จริงแล้วโลกของเรากลมค่ะ
ในทางธรรม
• เป็นพระสัมมาสัมพุทธ ผู้เลิศกว่าผู้ใดในโลก ด้วยพุทธคุณ คือ
- เป็นผู้มีความบริสุทธิ์ กำจัดกิเลสได้ด้วยพระองค์เอง ไม่เบียดเบียนใคร
- มีปัญญามาก รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งทั้งปวง
- มีความกรุณา ทรงสั่งสอนสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ตามพระพุทธองค์

• ขุมทรัพย์ทั้ง 4 ได้บังเกิดขึ้นมาเมื่อตอนประสูติ
• ทรงอยู่ใน พระราชวัง ซึ่งเป็นปราสาท 3 ฤดูอย่างสะดวกสบายราวสรวงสวรรค์
• เป็นรัชทายาท ผู้จะครองราชสมบัติต่อไป
• มีบุญมาก สามารถเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ปกครองทวีปทั้ง 4
จะมาบวชได้นี้ต้องบุญถึงจริงๆนะคะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราท่านเลือกชีวิตสมณะค่ะ เป็นชีวิตที่เป็นสุขยิ่งกว่าการครอบครองทรัพย์สินในทางโลกทั้งปวง พระองค์เลือกเส้นทางนี้เพราะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่ามาบวชเพราะไม่มีที่จะไป
หรือที่คนทั่วไปชอบคิดกันว่า คนที่มาบวชเนี่ยอกหัก หลักลอย
คอยงาน หรือไม่ก็สังขารณ์โทรม ชีวิตไม่มีหนทางไปแล้วจึงมา
บวช ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ หนทางนี้เป็นหนทางที่ดีที่สุด เป็นหนทางที่เป็นความสุขของชีวิตที่แท้จริง

คำสอนของพระพุทธองค์มีจริง ดีจริง พิสูจน์ได้จริง ควรแก่การเข้าถึง เพื่อเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งภายใน
• เป็นคำสอนที่ไม่มีโทษ ผู้ปฏิบัติตามย่อมได้รับประโยชน์เพียงอย่างเดียว นั่นคือการกำจัดทุกข์ และเข้าถึงความสุขที่แท้จริง
• สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
• ผู้ปฏิบัติย่อมได้รับผลเสมอ ไม่จำกัดกาลเวลา
• ใครๆ ก็สามรถพิสูจน์ได้ ไม่จำกัด
• เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ ให้เกิดขึ้นในตน
คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเป็นคำสอนที่ทันสมัย
เสมอ และใช้ได้กับทกยุคทุกสมัย เป็นคำสอนเดียวที่บุคคลสำคัญของโลกอย่าง"ไอน์สไตน์"ผู้เป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะได้ให้การยอมรับ และกล่าวถึงคำสอนของพระองค์ว่า
"ถ้าจะมีศาสนาไหนที่จะรองรับความเชื่ออย่างมีเหตุมีผลในอนาคตได้ ศาสนานั้นคือ พุทธศาสนา"
พระองค์ทรงเมตตาเป็นครูจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่จะปรินิพพานได้ถามว่าใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อธรรมที่พระองค์สอนหรือไม่พระองค์ไม่เบื่อหน่ายในการสอนเลย ทรงได้ให้โอวาทก่อนจะปรินิพพานเป็นประโยคสุดท้ายว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ขอให้เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน (ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”
ซาบซึ้งถึงก้นบึ้งของหัวใจในพระคุณอันไม่มีประมาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรากันใช่มั๊ยคะ มีใครบ้างในโลกนี้ที่กำลังจะตายแล้วห่วงใยผู้อื่น ท่านเมตตาสอนจนลมหายใจสุดท้ายกันเลยทีเดียว เห็นแต่บางคนร้องโวยวายถึงบาปกรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้ บางคนก็จากไปอย่างสงบ บางคนก็ห่วงลูกหลาน ห่วงทรัพย์สมบัติ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราท่านกลับห่วงพุทธบริษัททุกคนว่าจะประมาทในการดำเนินชีวิต และทำให้ต้องพลั้งพลาดไปเกิดในอบายที่ทุกข์ทรมานยาวนาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น