ประวัติพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก่อนที่ท่านจะบรรลุธรรม
ท่านทรงเกิดในตระกูลกษัตริย์ค่ะ ซึ่งเป็นตระกูลที่เลิศ และเพียบพร้อมอย่างที่สุดซึ่งจะขอนำประวัติฉบับย่อมาเล่าให้ฟังดังนี้ให้เราได้ปลื้มปิติใจว่าก่อนออกบวชท่านตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้อย่างมั่นคง และเชื่อมั่นค่ะ เราทุกคนโชคดีมีบุญมากที่ได้มาพบพระพุทธศาสนา ได้ปฏิบัติตามคำสอนของท่านค่ะ

ในคืนที่พระบรมโพธิสัตว์ ถือปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระราชาผู้ครองนครกบิลพัสดุ์ ในคืนนั้นพระนางทรงพระสุบินนิมิตรว่า มีพญาช้างเผือกได้นำดอกบัวมาถวาย ณ ที่บรรทม

ทันทีที่ประสูติ ทรงดำเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว โดยมีดอกบัวผุดขึ้นรองรับ และทรงเปล่งอาสภิวาจาว่า “เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้ที่เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้ของเราเป็นครั้งสุดท้ายภพใหม่ต่อไปไม่มีสำหรับเรา”

เมื่อประสูติได้ 3 วัน อสิตดาบสก็ได้เข้าไปเยี่ยมพระราชกุมาร เมื่อท่านได้เห็นลักษณะมหาบุรุษของพระราชกุมาร ท่านก็ได้รู้ว่าพระราชกุมารจะได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ด้วยความเลือมใสจึงได้น้อมไหว้พระบรมโพธิสัตว์ จึงทำให้ทั้งพระราชบิดาพระราชมารดา และทุกคนต่างก็พนมมือไหว้พระบรมโพธิสัตว์ตามพระดาบสด้วย

พราหมณ์พยากรณ์
เมื่อประสูติได้ 5 วัน พราหมณ์ทั้ง 7 คน ได้พยากรณ์ว่า ถ้าพระราชกุมารอยู่ทางโลก จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์แต่ถ้าออกบวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พราหมณ์ที่ชื่อโกณฑัญญะพยากรณ์ว่า พระองค์จะออกบวช และจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

จากนั้นทรงหลีกออกเร้น ประทับนั่งสมาธิ(Meditation)อยู่ใต้ต้นหว้า แล้วสามารถหยุดใจจนบรรลุปฐมฌานเป็นอัศจรรย์พระปรีชาสามารถเป็นเลิศในทุกด้าน


เมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา พระราชบิดาทรงสร้างปราสาท 3 ฤดู ที่อุดมไปด้วยเครื่องบำรุงบำเรอเพื่อให้พระองค์เสวยพระราชสมบัติอย่างเกษมสำราญ เพราะพระราชบิดาไม่ปรารถนาให้เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช

เมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราพิมพา ผู้มีความงามเป็นเลิศกว่าหญิงใด ๆ เพราะได้ลักษณะเบญจกัลยาณีพระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก

เมื่อพระองค์พระชนมายุได้ 29 พรรษา ทรงเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในราชสมบัติยิ่งนัก จึงแอบเสด็จประพาสนอกพระราชวัง ทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเห็น คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวชเป็นครั้งแรก ทำให้ทรงสลดพระทัยในความไม่เที่ยงของชีวิตซึ่งเป็นทุกข์ และ ก็เชื่อว่า เมื่อมีทุกข์ก็จะต้องมีหนทางดับทุกข์ ซึ่งก็คือการออกบวช


เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะแสวงหาหนทางแห่งการดับทุกข์ให้ได้ พระองค์จึงตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวชโดยมีนายฉันนะมหาดเล็กเป็นผู้ติดตาม และมีม้ากัณฐกะเป็นพระราชพาหนะ

เมื่อเสด็จมาถึงริมฝั่งแม่น้ำอโนมา พระองค์ทรงตัดพระโมฬี (ผมที่มุ่นเป็นมวย) ด้วยพระขรรค์ แล้วทรงเปลื้องพระภูษาออก และทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์ ที่ฆฏิการพรหมนำมาถวายพร้อมด้วยเครื่องบริขาร จากนั้นทรงตั้งจิตอธิษฐานเพศเป็นนักบวช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น