คุณสมบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้
ได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาศาสดาเอกของโลก
ได้อ่านอย่างนี้ก็อย่าเพิ่งง่วงหงาวหาวนอนกันไปก่อนค่ะ ให้โอกาสตัวของเราซึ่งเป็นชาวพุทธได้ทำความรู้จักกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราอย่างถ่องแท้ซะก่อน แหม..คนระดับปัญญาชนอย่างเรา ขนาดเลือกกินผักผลไม้ยังคัดแล้วคัดอีกว่าเป็นผักผลไม้ออแกนิคหรือเปล่า เพื่อให้ปลอดสารพิษกินแล้วร่างกายแข็งแร็ง
เรื่องของจิตใจจะเลือกนับถือความเชื่อในศาสนาไหนเราควรที่จะคัดมั๊ยคะ ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว จะเลือกอะไรให้ใจของเราบริโภคนี่เราควรคัดกรองระดับไหน ก็ในเมื่อดูแลบ่าวนั้นเราดูแลระดับเลิศเลอ เรื่องของจิตใจที่ละเอียดอ่อนเราก็ไม่ควรละเลยกันค่ะ
ทำไมจึงกล่าวว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นมหาศาสดาเอกของโลก เรามาทำความรู้จักคุณของพระองค์กันค่ะ ท่านประกอบด้วยคุณที่ยิ่งใหญ่ 3 ประการค่ะ
1. พระวิสุทธิคุณ ทรงมีความบริสุทธิ์ อันมาจากใจที่ไร้ซึ่งกิเลส จึงทำให้พระพุทธองค์มีศีลที่สมบูรณ์ ไม่เบียดเบียนผู้ใด ทั้งความคิด คำพูด และการกระทำ
2. พระปัญญาธิคุณ ทรงมีปัญญามากหาที่สุดไม่ได้ ด้วยสัพพัญญุตญาณ จึงทำให้พระพุทองค์สามารถรู้แจ้งเห็นจริงในทุกสิ่ง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
3. พระมหากรุณาธิคุณ ทรงมีความปรารถนาดี เมื่อตรัสรู้วิธีการพ้นทุกข์แล้ว ยังทรงสั่งสอนให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากทุกข์ตามพระพุทธองค์ได้ด้วย
คุณข้อนี้เป็นข้อที่ฉันสัมผัสได้ และซาบซึ้งเป็นที่สุดค่ะ เพราะคำสออนของพระองค์ในเรื่องแนวทางการปฏิบัติให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้ผ่องใส ยังตกทอดเป็นมรดกมาถึงยุคของฉัน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปถึง 2พันกว่าปีแล้วก็ตาม เราจะเห็นว่าผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์อย่างถูกหลักวิชชา จะพบกับความสุขในชีวิตทั้งในปัจจุบันซึ่งเกิดประโยชน์ต่อตนเองและคนรอบข้าง กระแสแห่งความดีงามของผู้มีศีลมีธรรมจะแผ่ขยายสู่คนรอบตัว เป็นกระแสแห่งความร่มเย็นชุ่มชื่นใจค่ะ
การเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆนะคะ เพราะกว่าจะมีบุคคลที่มีหัวใจเด็ดเดี่ยวหวังจะนำพาตนและผองชนให้พ้นทุกข์นั้นก็มีไม่ใช่ง่ายๆค่ะ บางคนอาจบอกว่านึกไม่ออกนะว่าจะมีบุคคลที่มีหัวใจรักเพื่อนมนุษย์ขนาดนั้น เราก็มาดูตัวอย่างเบาๆ ของบุคคลในยุคปัจจุบันกันดูค่ะว่า ความรักและเมตตาที่ไม่มีประมาณต่อเพื่อนมนุษย์นั้นมีอยู่จริง มีคนที่มีความสุขกับการช่วยเหลือคนอื่นโดยสามารถเสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเองค่ะ เหลือเชื่อแต่ก็เป็นความจริง เรื่องราวของเธอคนนี้เป็นเรื่องราวอมตะ แม้ว่าเธอจะตายจากโลกนี้ไป แต่คุณความดีของเธอยังคงอยู่ และไม่มีวันตายค่ะ
เธอผู้ซึ่งงามทั้งกาย และใจ
นีร์จา บาโน้ต (Neerja Bhanote) วันนั้นอายุ 23 ปี น่ารัก สดใส งามสง่าและกล้าหาญ เธอทำงานเป็นแอร์โฮสเตสให้กับสายการบิน Pan Am ในอินเดีย เครื่องบินของเธอ ถูกผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรง Hijack
ขณะลงจอดที่สนามบินการาจี ในปากีสถาน
เธอแอบโทรศัพท์แจ้งกัปตัน และเขาก็รีบหนีออกจากห้องนักบินอย่างรวดเร็ว ปล่อยทิ้งให้เธอเผชิญชะตากรรมร่วมกับผู้โดยสารอีก 360 คน เธอปลอบผู้โดยสารให้อยู่ในความสงบ ด้วยน้ำเสียงที่ปราศจากความกลัว จ้องตา และต่อรองกับผู้ก่อการร้ายอย่างไม่มีอาการแพนิค
ผู้ก่อการร้ายสั่งให้เธอรวบรวมพาสปอร์ตของผู้โดยสารทั้งหมด เพื่อค้นหาชาติศัตรูและตั้งใจสังหารเป็นเหยือรายแรกเพื่อยืนยันคำเรียกร้องต่อรัฐบาล ปากีสถาน เธอรู้ และแอบซ่อนพาสปอร์ตของผู้โดย สารอเมริกันไว้ใต้ที่นั่ง
เมื่อหน่วยจู่โจมของปากีสถานเข้าโจมตี เธอพาผู้โดยสารหนีออกทางประตูฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยทุกคน เธอนับจำนวนผู้โดยสารรอจนคนสุดท้ายและพบว่า ยังเหลือเด็กอีกสามคน
ท่ามกลางห่ากระสุนที่ปลิวว่อนจากการต่อสู้ เธอคลานกลับเข้าไปค้นหาจนพบเด็กทั้งสามคนและพาพวกเขาหนีออกมาอย่างปลอดภัย ขณะที่ถอนใจอย่างโล่งอกเธอก็พบว่าตัวเองถูกยิงเข้าที่หน้าท้องถึงสองนัด
นีร์จา ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน ก่อนจะสิ้นใจเธอยังถามว่า "ทุกคนปลอดภัยใช่มั๊ย"
นี่เป็นตัวอย่างที่น่าปลื้มใจให้เราได้เห็นว่า ยังมีเพื่อนมนุษย์ที่มีหัวใจของพระโพธิสัตว์ ที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เป็นตัวอย่างใกล้ตัวในยุคของเราค่ะ แต่น้ำใจอันดีงามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราท่วมท้นมากกว่านั้นดังที่จะได้กล่าวในบทต่อไปค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น