ชาวพุทธฯต้องรู้ทัน...กฎหมายพุทธศาสนา
สร้างความสงสัยให้กับพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศกันเลยทีเดียว กับขั้นตอนการขอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชแห่งการ คณะสงฆ์ไทย ทุกอย่างดำเนินมาตามขั้นตอนประเพณีเดิมทุกประการ จนมาถึงในส่วนของทางฝ่ายบ้านเมืองต้องดำเนินการในขั้นต่อไป เรื่องก็มาถึงตรงนี้ ติดแหง็กค้างคา ปล่อยให้ประชาชนพลเมืองทั่วแผ่นดินไทยพากันสงสัยเป็นทิวแถวว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หว่า??
ทำไมถึงดูล่าช้าเพิกเฉยต่อเรื่องที่สำคัญ และละเอียดอ่อนที่สุดของสังคมไทย
ถ้าเรามองไปที่ฝ่ายบ้านเมือง จะเห็นว่าเมื่อตำแหน่งนายยกรัฐมนตรีผู้นำประเทศว่างลง จะต้องรีบดำเนินการเลือกตั้งอย่างเร่งด่วน แต่เกิดอะไรขึ้นกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็น ผู้นำทางศาสนา และจิตวิญญาณมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ กลับถูกกระแสก่อกวนจากคนกลุ่มน้อยที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์แค่เพียงไม่กี่คน แต่มีอำนาจมาคัดค้านขั้นตอนที่ถูกต้องด้วยกฎหมาย และมติของมหาเถรสมาคมเลยหรือ
ในฐานะชาวพุทธฯ เรามาเรียนรู้วิชากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาฉบับชาวบ้านเพื่อรู้ทัน และเป็นแนวทางทำความเข้าใจ ให้กับกลุ่มคนในสังคมบางกลุ่มที่กำลังโจมตีว่าร้ายแบบขาดสติกันว่าประเทศนี้ บ้านนี้ เมืองนี้ กฎหมายจะมีไว้เพื่ออะไร ถ้าไม่ได้ถูกใช้ แต่กลับใช้กฎหมู่แทน
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๐๕ เป็นปีที่ ๑๗ ในรัชกาลปัจจุบันและให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เป็นปีที่ ๔๗ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่าโดยที่ เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นจึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ตรา พระราชบัญญัติไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕“
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๔ ภายในระยะเวลาหนึ่งปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ บรรดากฎกระทรวง สังฆาณัติ กติกาสงฆ์ กฎองค์การพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับคณะสงฆ์ ที่ใช้บังคับ อยู่ในวันประกาศพระราชบัญญัตินี้ในราชกิจจานุเบกษา ให้คงใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระ ราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้จนกว่าจะมีกฎกระทรวง กฎมหาเถรสมาคมพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ข้อบังคับหรือ ระเบียบของมหาเถรสมาคม ยกเลิก หรือมีความอย่างเดียวกันหรือขัดหรือแย้งกันหรือกล่าวไว้เป็นอย่างอื่น
หมวด ๑ สมเด็จพระสังฆราช
มาตรา ๗ พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง
ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอ นามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ได้ให้นายกรัฐมนตรีโดย ความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสโดย สมณศักดิ์รองลงมา ตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
มาตรา ๘ สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์และทรงตรา พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคม
มาตรา ๑๐ ในเมื่อไม่มีสมเด็จพระสังฆราช ให้สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เป็นผู้ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
๒. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
๒.๑ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ และ ๒.๒ นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๓๕
จากพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ที่แสดงรายละเอียดไว้ปรากฏกับสายตาผู้อ่านดังนี้แล้วอีกทั้งคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ก็ได้ยึดถือปฏิบัติแล้วทุกประการ แต่ ณ บัดนี้ การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช กำลังจะมีทีท่าว่าจะถูกดองให้ยืดเยื้อต่อไปอีกนานเท่าไร ขอให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลไทยในยุคนี้ ช่วยชี้แจงแถลงการณ์ ให้สังคมได้ทราบด้วยจะได้หรือไม่?????
จากพ.ร.บ.ฉบับบนี้ แปลเป็นภาษาชาวบ้านที่เข้าใจง่ายๆก็คือ
ทางฝ่ายบ้านเมืองมีหน้าที่เพียงแค่นำรายชื่อจาก
มหาเถรสมาคมทูลเกล้าถวายในหลวงเพื่อตั้งสังฆราช ทำไมถึง
ยังไม่ทำซักที ไยดองงานไว้นานถึงเพียงนี้
อ่านมาถึงตรงนี้ชาวพุทธฯบางคนอาจจะคิดว่า อะไรกันนักกันหนา พระท่านบวชมาเพื่อละ โลภ โกรธ หลง และปล่อยวาง ท่านไม่ยึดติดกับตำแหน่งอะไรทั้งสิ้นหรอกน่า ทำไมจะต้องออกมาเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งด้วยนะ เรื่องเกี่ยวกับพระน่าจะเป็นเรื่องเย็นๆ ตีโพยตีพายจนเกินไปหรือเปล่า
ต้องขอเตือนตรงนี้เลยค่ะว่า ไม้ขีดเพียงก้านเดียวสามารถเผาบ้านเผาเมืองให้วอดวายได้ในชั่วพริบตา เช่นกันค่ะ การที่เราดูเบาเพียงเล็กน้อยก็อาจเปิดโอกาสให้คนชั่วเหิมเกริม กระทำกรรมที่หยาบช้าอย่างย่ามใจแบบได้คืบจะเอาวาเอาศอกแบบนั้น แล้วสิ่งที่จะตามมา ก็จะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โตจนยากจะเยียวยา ทางที่ดีเราต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมค่ะ ผู้มีดวงปัญญา และบรรพบุรุษที่แสนฉลาด ได้กู้ชาติบ้านเมืองจนเราคงความเป็นไทย กินอิ่มนอนหลับไม่ต้องตกเป็นทาสใคร เราลูกหลานไทยต้องช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาให้สืบทอดต่อไปสู่ลูกหลาน เป็นมรดกธรรมจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป
พระพุทธศาสนาเป็นดั่งกฎหมายทางใจ ที่จะน้อมนำให้คนปฏิบัติมีความสุขไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เมื่อลูกหลานของเราเกิดมาในสังคมที่ร่มเย็นไม่เบียดเบียน มีความละอายและเกรงกลัวต่อความไม่ดีทั้งปวง ทั้งต่อหน้า และลับหลัง ทั้งที่ลับ และที่แจ้ง ปัญหาสังคมก็จะหมดไปอย่างเหลือเชื่อ
อย่างเช่นปัญหาที่พ่อแม่ทุกครอบครัวกังวลเกี่ยวกับลูก คือการชิงสุกก่อนห่ามของเด็กๆที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็จะหมดไป และชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ระดับเอเซียของประเทศไทยเราเรื่องปัญหาท้องในวัยเรียน และปัญหาการทำแท้งก็จะหมดไป และครอบคลุมถึงเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมด้านอื่นๆอีกมากมายสาธยายไม่หมด
อย่าคิดตัดช่องน้อยแต่พอตัว เอาเฉพาะครอบครัวตนเองให้อยู่ดีกินดีแค่นั้นพอ เพราะต่อให้คุณร่ำรวยล้ำฟ้าขนาดไหน สามารถจ้างบอดี้การ์ดดีเยี่ยมเพื่อคุ้มครองตัวคุณ และคนที่คุณรักแต่คุณไม่สามารถดูแลตัวเอง และคนที่คุณรักให้อยู่ดีมีสุขในกรงทองได้ตลอด ถ้าสังคมรอบๆกรงทองของคุณเลวร้าย คุณจะมีความสุขแบบยั่งยืนได้อย่างไรถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลาง ความหวาดระแวงของผู้คนที่ผิดศีลผิดธรรม
รักตัวของเราเองให้ยาวๆ ด้วยการสร้างสังคมแห่งคุณธรรมความดีให้เป็นมรดกกับลูกหลาน ช่วยกันนะคะปกป้อง และรักษาพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติไทยเพื่อตัวคุณเอง และคนที่คุณรัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น