วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หลวงพ่อธัมมชโย ผู้เปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์



เรื่องราวจากปลายปากกาของหนึ่งในอุปฐากหลวงพ่อธัมมชโย
วันพุธที่ 6  มกราคม  2542
         ข่าวคราวต่างๆ ยังไม่จบสิ้น  ดูเหมือนการว่าร้ายวัดยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ  และดูเหมือนบรรยากาศจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นๆ


           ตอนนี้มีพระบางรูปมาออกรายการโทรทัศน์ให้ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับวัด และว่าร้ายหลวงพ่อด้วยทำให้คนไม่รู้ความจริงคลางแคลงสงสัย เข้าใจผิด และเกิดภาพลบๆ ติดอยู่ในใจ  แต่คนที่มาวัดรู้ว่าอะไรเป็นอะไร  แทบทุกคนรู้สึกทนไม่ได้ทั้งโกรธ เดือดร้อน และเจ็บใจที่มีการกล่าวร้ายหลวงพ่อหนักขนาดนี้โดยที่จะตอบโต้อะไรเขาไม่ได้  เพราะหลวงพ่อให้ยึดคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงให้หลักโอวาทปฏิโมกข์ไว้

           ไม่ให้เบียดเบียนผู้อื่น
           ไม่ให้ว่าร้ายผู้อื่น
           และให้ทุกคนอดทน  

          พวกเราจึงต้องทั้งอดทั้งทน การที่เราอดทนได้กับข่าวร้ายอย่างนี้จะเป็นแบบอย่างให้กับวัดอื่นด้วย
          
          หลวงพ่อบอกว่า... 
รู้สึกเฉยๆ ไม้ได้โกรธ แล้วหลวงพ่อก็นิ่ เงียบ ไม่โต้กลับใดๆ ทั้งสิ้น


ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ LogBook บันทึกอุปัฏฐาก
โดย  อลงกรณ์  สถาปิตานนท์(โค้ก)



           
         ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงตัวของข้าพเจ้าเองในสมัยสาวๆ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาตอนนั้นจำได้ว่าได้ยินข่าวคราวของวัดผ่านสื่อต่างๆมากมายทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ เกี่ยวกับข่าวว่าร้ายของหลวงพ่อธัมมชโยเรียกว่าเป็นข่าวฮอตฮิตติดชาร์ทในสมัยนั้นเลยทีเดียวประมาณปีพ.ศ.2541-2542  มีอยู่ช่วงนึงข้าพเจ้าได้ข่าวว่าตอนนี้หลวงพ่อธัมมชโยท่านสึกไปแล้วก็เกิดอาการสงสัยอย่างรุนแรงว่าเอ๊ะ!!มันจะเป็นไปได้เหรอวัดพระธรรมกายที่มีคนมาปฏิบัติธรรมเรือนหมื่นเรือนแสนโดยมีหลวงพ่อธัมมชโยเป็นศูนย์รวมใจ หลวงพ่อผู้นำในการชวนคนสร้างความดีแบบไม่มีเว้นวรรคจะสึกไปเพราะเหตุใด
         ในฐานะชาวพุทธคนนึง ทำให้ข้าพเจ้ารีบบึ่งมาดูที่วัดนี้ด้วยความสนใจให้เห็นกับตาตัวเองว่า  ที่ว่าสึกไปแล้วน่ะจริงมั๊ย??  ปรากฏว่า
ข้าพเจ้ายังเห็นท่านยังคงเทศน์สอน และนำปฏิบัติธรรมให้กับญาติโยมตามปกติ  และท่านยังคงย้ำหลังจากปฏิบัติธรรมว่า 
"ท่านจะตายในผ้าเหลือง" 

         ในฐานะพุทธศาสนิกชนคนเดินดินคนนึงข้าพเจ้าก็เลยเริ่มเข้าใจคำว่า "ใส่ร้าย" นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  ข้าพเจ้าสอนตัวเองว่า จะไม่เชื่อถือในสิ่งที่ได้เห็น ได้ยิน ได้รู้ โดยไม่ไตร่ตรองโดยแยบคาย และพิสูจน์ด้วยตนเองอีกเป็นอันขาด


         จากวันนั้นถึงวันนี้เหตุการณ์ก็ผ่านมาเกือบสิบกว่าปีแล้ว  หลวงพ่อธัมมชโยยังคงทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะคำสอนของพระสัมมาพุทธเจ้าเหมือนเช่นสิบกว่าปีก่อนที่ข้าพเจ้าเคยเห็น  จนเกิดผลงานทางพระศาสนามากมาย  และปัจจุบันนี้ปีพ.ศ. 2559 เหตุการณ์ดูจะเริ่มคล้ายเมื่อปีพ.ศ.2542อีกครั้ง  ข้าพเจ้ามีความมั่นใจอย่างเหลือเกินตามบทกลอนที่ว่า


           ใครจะอาจป้ายสี            ท้องฟ้าใส
            ป้ายอย่างไรฟ้าก็ไม่       ยอมเปลี่ยนสี
            ต่อให้ป้ายต่อไป            เป็นล้านปี
            ก็ไม่อาจเปลี่ยนสี          ท้องฟ้างาม


ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,

        
ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,


ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,ธัมมชโย,







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น