(กรณีศึกษา นางจิณจมาณวิกา)
โอ๊ยปวดเศียรเวียนheadค่ะคุณ ต้องขออุทานว่านี่หรือเมืองพุทธฯ เป็นระยะเวลานานสิบกว่าปีแล้วตั้งแต่วัยสาว จนบัดnowเป็นสาวรอบสอง
ได้เห็นสิ่งที่ไม่อยากจะเห็นมาอย่างต่อเนื่องจากสื่อสีดำใจบาปหยาบช้าประโคมข่าวเสียๆหายๆต่อพระพุทธศาสนาไม่เว้นแต่ละวัน
จนอิชั๊นจากที่เคยวางอุเบกขาคงจะต้องเอาอุเบกขาวางลง แล้วเริ่มลุยกันแล้วค่ะ เพราะข่าวพระสงฆ์ในด้านไม่ดีก็ออกมากันครึกโครมได้พื้นที่ข่าวขึ้นหน้า1ฟรี!!แบบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา
อุแม่เจ้ามันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยคะเนี่ย ข่าวร้ายลงฟรีข่าวดีเสียตังค์
แล้วลูกหลานเหลนโหลนเยาวชนเราจะคิดยังไงเมื่อถูกชี้นำแบบนี้
ถ้าอยากทำประชาสัมพันธ์ต้นตระกูลแบบไม่ต้องเสียตังค์ ให้ทำชั่วสุดๆไปเลยพวก แบบนั้นใช่มั๊ยคะ?? คุณพระนี่หรือคืออนาคตของประเทศชาติ
เท่านั้นยังไม่พอ
ยังมีผู้หวังดี(ประสงค์ร้าย)หลายรายออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อวงการสงฆ์โดยอยู่ในstatusของฆราวาส
ว่าต้องการจัดระเบียบเรื่องของพระให้เรียบร้อยดีงามโดยที่ผู้หวังดีต่างๆ ศีล5ก็ยังถือกันไม่ครบ แหม่ๆๆๆเอาตัวเองให้รอดก่อนมั๊ยคะ เรื่องของพระ
โยมจะหวังดีแส่มาจัดระเบียบมันดูประหลาดมั่กๆ
คืออัลไลนิ? พระที่ดีท่านมีศีล227ข้อบริบูรณ์มีเต็มแผ่นดินให้ท่านดูแลกันเองเถอะค่ะ ฉไนโยมผู้หวังดี(ประสงค์ร้าย)กลับจะทำเนียนเผือกมาเป็นห่วงการปกครองของพระ ไม่ไหวจะเคลียร์
พระภิกษุสงฆ์ทั่วทั้งแผ่นดินสร้างความดีท่วมเป็นภูเขา ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อฯเท่าที่ควรเลยบอกตรง พระที่ทำเรื่องไม่งามมีเพียงส่วนน้อย
ก็ประโคมกันซะเหมือนเป็นอาชญากรคนสำคัญของแผ่นดิน ทั้งที่ประชาชนค่อนประเทศเป็นชาวพุทธฯ
กระแสข่าวด้านลบเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องโดยมีประชาชนบางส่วนที่อาศัยเพียงการดูทีวี หรืออ่านผ่านสื่อSocialต่างๆออกมาแสดงความคิดเห็นไปในเชิงลบตามกระแสอย่างครึกโครม โดยไม่รู้ข้อมูลความจริง เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ค่ะคุณ เคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นอุทาหรณ์ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
ซึ่งในครั้งกระโน้นพระอริยะสงฆ์ที่ท่านทรงคุณธรรม คุณวิเศษเหาะเหินเดินอากาศได้ก็ยังโดน
อย่าว่าโง๊นงี๊เลยค่ะพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องผจญมารตัวสำคัญเลย คือ
นางจิญจมาณวิกา
นางคนนี้นี่ดีกรีแซ่บมาก นางคงเข้าใจว่าตัวเองสวยโฮก
ทั้งที่ความงามก็อาจจะแค่เทพีประจำหมู่บ้าน
บุกเดี่ยวเข้าไปใส่ร้ายพระพุทธองค์แบบไม่แคร์สื่อ
มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้วค่ะ คุณอ่านกรณีศึกษาท้านรกตกอบายของนางได้ เอาเรื่องนี้มาให้อ่านเพื่อเตือนสติผู้ที่สร้างเรื่องกล่าวร้ายพระ และผู้ที่ด่าว่าตามกระแสจะได้เกรงกลัวต่อบาป ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ บางคน หรือหลายคนอาจจะบอกว่าอย่าเอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ ซะงั๊น ก็แล้วแต่ค่ะเราก็เลือกเอาค่ะมี2วิธีว่า
1. จะเชื่อตอนเป็น แล้วตั้งใจประกอบคุณงามความดี ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราตกต่ำอะไรในการที่จะรักษาศีล5 ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้ผ่องใส ซึ่งหลังจากละโลกไปแล้วถ้านรกสวรรค์ไม่มีจริงเราก็ไม่เดือดร้อนขาดทุนอะไร
2. จะไปรู้แจ้งเห็นจริงทีเดียวตอนตาย ซึ่งถ้าจะเลือกที่จะเชื่อตอนตายแล้วทำผิดทำพลาดไปเยอะ จัดเต็มจัดหนักเพราะคิดว่าตายแล้วสูญ ต้องโกบโกยความสุขใส่ตัวให้เต็มที่แม้จะผิดศีลธรรมก็ไม่แคร์ หลังจากตายไปแล้วนรก สวรรค์มีจริงจะกลับตัวก็ไม่ทันแล้วค่ะ คงต้องรับกรรมตามเพลง "ไปๆไปลงนรกซะเถิดที่รักฉันจะลงโทษเธอ เวลาของเธอหมดแล้ว"
1. จะเชื่อตอนเป็น แล้วตั้งใจประกอบคุณงามความดี ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราตกต่ำอะไรในการที่จะรักษาศีล5 ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้ผ่องใส ซึ่งหลังจากละโลกไปแล้วถ้านรกสวรรค์ไม่มีจริงเราก็ไม่เดือดร้อนขาดทุนอะไร
2. จะไปรู้แจ้งเห็นจริงทีเดียวตอนตาย ซึ่งถ้าจะเลือกที่จะเชื่อตอนตายแล้วทำผิดทำพลาดไปเยอะ จัดเต็มจัดหนักเพราะคิดว่าตายแล้วสูญ ต้องโกบโกยความสุขใส่ตัวให้เต็มที่แม้จะผิดศีลธรรมก็ไม่แคร์ หลังจากตายไปแล้วนรก สวรรค์มีจริงจะกลับตัวก็ไม่ทันแล้วค่ะ คงต้องรับกรรมตามเพลง "ไปๆไปลงนรกซะเถิดที่รักฉันจะลงโทษเธอ เวลาของเธอหมดแล้ว"
นางจิญจมาณวิกา ถูกธรณีสูบ เพราะกรรมหนัก
นางจิญจมาณวิกา เป็นอีกผู้หนึ่งที่เสวยผลของกรรมหนัก ทั้งสองมิติ คือด้วยการถูกธรณีสูบ อันเป็นผลของกฎแห่งกรรมในมิติ ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม(ผลทันตาเห็น) และไปตกนรกตาม กฎแห่งกรรม ในมิติ อปราปริยเวทนียกรรม(เสวยผลในภพต่อมา)
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคราวที่พระศาสดา ประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงแสดงธรรมโปรดแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีพวกเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายได้บรรลุอริยภูมิในชั้นต่างๆมีโสดาปัตติผลเป็นต้น พระเกียรติคุณของพระศาสดาจึงได้ขจรขจายไปทั่วสารทิศ ลาภและสักการะเป็นอันมากได้บังเกิดแด่พระศาสดา เป็นที่ริษยาของบรรดาเดียรถีร์ทั้งหลาย
คนเหล่านี้จึงได้วางแผนที่จะทำลายเกียรติภูมิชื่อเสียงของพระศาสดา โดยใช้นางงามชื่อจิญจมาณวิกาหนึ่งในศิษย์คนสำคัญของพวกเดียรถีร์เป็นเครื่องมือ พวกเขากล่าวกับนางงามผู้นี้ว่า “น้องหญิง ถ้าเจ้าปรารถนาความสุขแก่เราทั้งหลายไซร้ จงยังโทษให้เกิดขึ้นแก่พระสมณโคดมแล้ว ยังลาภสักการะให้ฉิบหายเพราะอาศัยตน” ในเย็นวันนั้นเอง นางงามก็เริ่มทำตามแผน “นารีพิฆาต” โดยนางถือดอกไม้และของหอมเป็นต้นเดินไปทางวัดพระเชตวัน
เมื่อคนทั้งหลายถามนางว่าจะไปไหน นางก็ตอบว่า “พวกท่านอย่ารู้เลย” จากนั้นนางก็ไปยังที่พำนักของพวกเดียรถีร์ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับวัดพระเชตวัน และนางก็จะเดินกลับออกมาในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้นโดยทำทีประหนึ่งว่านางเข้าไปนอนค้างแรมในวัดพระเชตวัน
เมื่อมีคนถามในช่วง 1-2 เดือนแรก นางก็จะบอกว่า “ข้าพเจ้าไปค้างแรมกับพระสมณโคดม ในพระคันธกุฎี ในวัดพระเชตะวัน” หลังจากเวลาผ่านไป 3-4 เดือน นางก็นำผ้ามาผูกไว้ที่ท้องทำทีว่านางเริ่มตั้งครรภ์ และสร้างข่าวลือว่านางตั้งครรภ์กับพระศาสดา
เมื่อเวลาผ่านไป 8-9 เดือน นางก็นำไม้กลมๆมาผูกที่ท้องห่มผ้าทับไว้บ้างบน ให้ทุบหลังมือและเท้าด้วยไม้คางโค ให้มีอาการบวมตามร่างกาย เหมือนหญิงครรภ์แก่ใกล้คลอด
เมื่อเวลาผ่านไป 8-9 เดือน นางก็นำไม้กลมๆมาผูกที่ท้องห่มผ้าทับไว้บ้างบน ให้ทุบหลังมือและเท้าด้วยไม้คางโค ให้มีอาการบวมตามร่างกาย เหมือนหญิงครรภ์แก่ใกล้คลอด
จนถึงวันหนึ่ง ในขณะที่พระศาสดาประทับนั่งแสดงธรรมบนธรรมาสน์ นางจิญ ขอเรียกสั้นๆแบบนี้แล้วกันนะคะก็ไปสู่ธรรมสภา ยืนตรงพระพักตร์ของพระศาสดา กล่าวว่า
"มหาสมณะ พระองค์ดีแต่แสดงธรรมแก่มหาชน เสียงของพระองค์ไพเราะ พระโอษฐ์ของพระองค์สนิท ส่วนหม่อมฉัน อาศัยพระองค์ได้เกิดมีครรภ์ครบกำหนดแล้ว พระองค์ไม่ยอมจัดการหาสถานที่คลอดของหม่อมฉัน ไม่ทรงจัดหาอุปกรณ์เครื่องบริหารครรภ์มีเนยใสและน้ำมันเป็นต้น เมื่อไม่ทรงทำเอง ก็น่าตรัสบอกพระเจ้าโกศล อนาถบิณฑิกเศรษฐี หรือนางวิสาขามหาอุบาสิกา คนใดคนหนึ่ง จัดการให้ พระองค์ทรงรู้แต่จะอภิรมย์เท่านั้น ไม่ทรงรู้ในการจัดการบริหารครรภ์”
จากที่นางจิญพูดมาทั้งหมดเนี่ยนะคะคุณแปลความหมายได้ว่า นางต่อว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "ท่านมัวเทศน์สอนผู้คนอยู่นั่นแหละ ชั๊นเนี่ยท้องโย้แล้ว ทำไมไม่มาดูแลรับผิดชอบบ้าง ให้ลูกศิษย์ลูกหามาช่วยดูแลชั๊นบ้างซิ"
จากที่นางจิญพูดมาทั้งหมดเนี่ยนะคะคุณแปลความหมายได้ว่า นางต่อว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "ท่านมัวเทศน์สอนผู้คนอยู่นั่นแหละ ชั๊นเนี่ยท้องโย้แล้ว ทำไมไม่มาดูแลรับผิดชอบบ้าง ให้ลูกศิษย์ลูกหามาช่วยดูแลชั๊นบ้างซิ"
พระศาสดาทรงหยุดแสดงธรรมชั่วขณะ และตรัสว่า “ น้องหญิง ความที่คำอันเจ้ากล่าวแล้ว จะจริงหรือไม่ เราและเจ้าเท่านั้น ย่อมรู้” แล้งทรงนิ่งไม่โต้ตอบกับนาง
พูดง่ายๆก็คือ พระองค์รู้แล้วว่าไม่สามารถโปรดนางจิญได้แน่ เพราะนางมาสายโฉดขนาดนี้แล้ว จึงทรงตอบกลับไปอย่างผู้ดีๆ ประมาณว่า
"คำพูดที่นางพูดมา จริงหรือไม่จริงก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ"
นางจิญปรี๊ดแตกค่ะ แต่ยังแสดงละครต่อว่าพระพุทธองค์ต่อไปว่า
“ ถูกต้อง มหาสมณะ คนอื่นจะรู้ได้อย่างไร พระองค์และหม่อมฉันเท่านั้นที่รู้”
พูดง่ายๆก็คือ พระองค์รู้แล้วว่าไม่สามารถโปรดนางจิญได้แน่ เพราะนางมาสายโฉดขนาดนี้แล้ว จึงทรงตอบกลับไปอย่างผู้ดีๆ ประมาณว่า
"คำพูดที่นางพูดมา จริงหรือไม่จริงก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ"
นางจิญปรี๊ดแตกค่ะ แต่ยังแสดงละครต่อว่าพระพุทธองค์ต่อไปว่า
“ ถูกต้อง มหาสมณะ คนอื่นจะรู้ได้อย่างไร พระองค์และหม่อมฉันเท่านั้นที่รู้”
ทันใดนั้นเอง เท้าสักกะเทวราช ทรงทราบเหตุร้ายเกิดขึ้นที่วัดพระเชตวัน จึงได้เสด็จจากสวรรค์มาที่นั่น แล้วมีเทวบัญชาให้เทพบุตรจำแลงกายเป็นหนูปีนขึ้นไปกัดเชือกที่ผูกท่อนไม้กลมที่ท้องของนางจิญ เมื่อเชือกผูกถูกกัดขาด ท่อนไม้กลมนั้นก็หลุดหล่นลงมาทับที่ปลายเท้าของนางค่ะ
จบข่าวค่ะความลับของนางจิญถูกเปิดเผยว่านางได้คลอดลูกออกมาเป็นท่อนไม้ ชาวบ้านก็ได้ร้องตะโกนสาปแช่ง “นางกาลกัณณี เจ้าใส่ร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” บ้างถ่มน้ำลายรดศีรษะของนาง บ้างหยิบก้อนดิน บ้างหยิบท่อนไม้ วิ่งขับไล่นางงามออกจากพระเชตวัน
ตามเรื่องในพระคัมภีร์บรรยายในช่วงที่นางงามถูกธรณีสูบและไปเกิดในอเวจีมหานรกว่า ครั้นในเวลานางเดินพ้นสายพระเนตรของพระตถาคตไป แผ่นดินใหญ่แตกแยกเป็นช่องแล้ว เปลวไฟตั้งขึ้นจากอเวจี นางจิญจมาณวิกานั้น ไปเกิดในอเวจีมหานรก
ในวันรุ่งขึ้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภา ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางจิญจมาณวิกา พระศาสดาได้ทรงสอบถามเรื่องและประเด็นของการสนทนา และตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้น ถึงในกาลก่อน นางจิญจมาณวิกา ก็ด่าเราด้วยคำไม่จริง ถึงความพินาศแล้วเหมือนกัน” แล้วตรัสเล่าเรื่องในมหาปทุมชาดก ในทวาทสบิบาต ซึ่งในชาดกดังกล่าวเล่าถึงพฤติกรรมของนางจิญจมาณวิกาเมื่อครั้งเป็นพระมเหสีของพระราชาและเป็นพระมารดาเลี้ยงของมหาปทุมกุมารพระโพธิสัตว์ ใช้อุบายเพื่อให้พระโพธิสัตว์เป็นชู้กับตน เมื่อพระโพธิสัตว์ปฏิเสธก็ได้ทำการกลั่นแกล้ง จนพระโพธิสัตว์ ถูกจับตัวไปทิ้งลงเหว แต่ไม่ได้รับอันตรายเพราะพระยานาคช่วยชีวิตเอาไว้ และภายหลังพระโพธิสัตว์ได้กลับมาครองราชสมบัติ ส่วนนางจิญจมาณวิกา(พระมเหสีของพระราชาในชาตินั้น) ถูกจับไปโยนลงเหวสิ้นพระชนม์
พระศาสดาเมื่อตรัสเล่ามหาปทุมชาดกจบลงแล้ว ได้ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ละคำสัตย์ซึ่งเป็นธรรมอย่างเอก และไม่สนใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปรโลก ชื่อว่าจักไม่ทำบาปกรรม ย่อมไม่มี”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
เอกธมฺมมตีตสฺส
มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน
วิติณฺณปรโลกสฺส
นตฺถิ ปาปํ อการิยํ ฯ
มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน
วิติณฺณปรโลกสฺส
นตฺถิ ปาปํ อการิยํ ฯ
(แปลว่า)
บาปอันชนผู้ก้าวล่วงธรรมอย่างเอกเสีย ผู้มักพูดเท็จ ผู้มีปรโลกอันล่วงเลยเสียแล้ว ไม่พึงทำ ย่อมไม่มี.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น
เป็นไงล่ะนางคนนี้
ถ้าไม่โด๊ฟยาบ้าเต็มสตรีมทำไม่ได้นะคะแบบนี้
สมควรอย่างยิ่งที่แผ่นดินซึ่งรองรับได้ทุกสิ่งจะแบกน้ำหนักของนางไว้ไม่ไหวค่ะ เรียกว่ามาแรงแซงโค้งพุ่งตรงไปนรกแล้วค่ะ
เป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ทั้งหญิง
และชายว่าเวลาที่เราจะตัดสินอะไรซ๊ากอย่างว่าผิด
ถูก อย่าด่วนใจร้อนค่ะ ไม่ใช่เห็นคนเขาว่าเขาด่า นี่กันเยอะก็เอากับเขาด้วย มันคุ้มมั๊ยเนี่ยที่จะต้องตีตั๋วขี่จรวดไปอบายแบบด่วนจี๋ไม่มีเบรกอย่างนั้น ไปพิสูจน์เลยสิคะถ้าอยากมีส่วนร่วมทางสังคม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตามหลักของผู้มีดวงปัญญา อย่าให้ใครมาจูงจมูกคุณเดิน มีแขนมีขาหูตาจมูกปากออกไปพิสูจน์กันค่ะ
ถูก อย่าด่วนใจร้อนค่ะ ไม่ใช่เห็นคนเขาว่าเขาด่า นี่กันเยอะก็เอากับเขาด้วย มันคุ้มมั๊ยเนี่ยที่จะต้องตีตั๋วขี่จรวดไปอบายแบบด่วนจี๋ไม่มีเบรกอย่างนั้น ไปพิสูจน์เลยสิคะถ้าอยากมีส่วนร่วมทางสังคม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตามหลักของผู้มีดวงปัญญา อย่าให้ใครมาจูงจมูกคุณเดิน มีแขนมีขาหูตาจมูกปากออกไปพิสูจน์กันค่ะ
ใช้ได้เลยน้อง...
ตอบลบใช้ได้เลยน้อง...
ตอบลบดีมากเลย ให้ข้อคิด เตือนสติดีจัง สำนวนชวนอ่าน
ตอบลบเป็นบทความที่ดีมาก ให้ผู้อ่านได้รู้ ได้เตือนสติ ก่อนว่าร้ายใคร
ตอบลบ